ชั้นวางพาเลทแบบเลือกหยิบได้ (Selective pallet racks) เหมาะมากสำหรับคลังสินค้าที่ต้องการการเข้าถึงพาเลทแต่ละชุดอย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ ระบบดังกล่าวยังเหมาะกับวิธีการจัดการสินค้าคงคลังแบบเข้าก่อนออกก่อน (FIFO) อีกด้วย เมื่อคลังสินค้าใช้วิธี FIFO จะช่วยให้สินค้าเก่าถูกเคลื่อนย้ายออกไปก่อน ส่งผลให้สินค้าคงคลังมีความสดใหม่และลดของเสียอีกประการหนึ่ง ชั้นวางเหล่านี้มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ รองรับทั้งสินค้าขนาดเล็กน้ำหนักเบาไปจนถึงงานหนักในทุกการใช้งานของคลังสินค้า ความยืดหยุ่นเช่นนี้จึงมีความสำคัญอย่างมากในศูนย์กระจายสินค้า ที่ซึ่งพนักงานต้องสามารถหยิบพาเลทใด ๆ ก็ได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะเมื่ออัตราการหมุนเวียนสินค้าสูงตลอดทั้งปี
เมื่อบริษัทต่างๆ ต้องการจัดเก็บสินค้าจำนวนมากในพื้นที่จำกัด ระบบชั้นวางแบบไดรฟ์อิน (drive-in) และแบบไดรฟ์ทรู (drive-through) จะถูกนำมาใช้เป็นทางแก้ปัญญาอันชาญฉลาดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บให้ได้มากที่สุด ลองมาวิเคราะห์กันสักหน่อย: ระบบแบบไดรฟ์อินเหมาะที่สุดเมื่อต้องการการเข้าถึงเพียงด้านเดียว ซึ่งเหมาะสมกับวิธีการจัดการสินค้าแบบเข้าหลังออกก่อน (last-in-first-out) โดยสินค้าใหม่จะถูกใช้ก่อน ในทางกลับกัน ระบบแบบไดรฟ์ทรูมีทางเข้าทั้งสองด้าน ทำให้เหมาะกับวิธีการเข้าก่อนออกก่อน (first-in-first-out) ซึ่งสินค้าเก่าควรจะถูกส่งออกไปก่อนที่สินค้าใหม่จะมาถึง อะไรคือคุณค่าของระบบนี้? ระบบนี้ใช้พื้นที่ในแนวตั้งได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ลดจำนวนทางเดินที่จำเป็นในคลังสินค้าแบบดั้งเดิม สำหรับธุรกิจที่ต้องจัดการกับคำสั่งซื้อแบบเป็นล็อตใหญ่ของผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกันกัน ชั้นวางแบบไดรฟ์อินสามารถเปลี่ยนแปลงการใช้พื้นที่คลังสินค้าไปได้อย่างสิ้นเชิง ลองนึกถึงศูนย์กระจายสินค้าอาหารหรือโรงงานผลิตที่จัดการวัตถุดิบในปริมาณมาก ระบบนี้จะช่วยให้พวกเขาจัดเก็บสินค้าได้มากขึ้นโดยไม่ต้องขยายพื้นที่
ชั้นวางแบบผลักซ้อนกันเหมาะมากสำหรับการจัดการสินค้าคงคลังแบบเข้าหลังออกก่อน (LIFO) โดยเฉพาะกับสินค้าที่ไม่เสื่อมสภาพตามเวลา ระบบนี้มีลักษณะเป็นตะกร้าที่ซ้อนกันอยู่ด้านใน ซึ่งจะเลื่อนถอยหลังทุกครั้งที่มีการเติมสินค้าใหม่ สิ่งที่ได้จากการใช้ระบบนี้คือประหยัดพื้นที่บนพื้นโรงงานได้อย่างมาก เพราะทุกอย่างถูกจัดเรียงชิดกันตลอดเวลา แต่ยังคงสามารถหยิบใช้งานได้ทันที คลังสินค้านิยมใช้ระบบนี้เพราะพนักงานสามารถหยิบสิ่งที่ต้องการได้โดยไม่ต้องขุดคุ้ยผ่านชั้นๆ ของกล่อง สำหรับธุรกิจที่ต้องจัดการกับรหัสสินค้าหลากหลายอยู่เป็นประจำ ชั้นวางแบบผลักซ้อนกันช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นมากเมื่อเทียบกับชั้นวางแบบดั้งเดิม ผู้จัดการด้านโลจิสติกส์ส่วนใหญ่จะบอกว่าระบบเหล่านี้ให้ความสมดุลที่เหมาะสมระหว่างการเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บและรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าหายไปในความวุ่นวาย
ระบบชั้นลอย (Mezzanine racking) เป็นวิธีที่ชาญฉลาดสำหรับธุรกิจในการใช้พื้นที่คลังสินค้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยไม่ต้องลงทุนสร้างอาคารใหม่ ระบบนี้ทำงานโดยการเปลี่ยนพื้นที่ว่างในอากาศให้กลายเป็นพื้นที่จัดเก็บสินค้า ซึ่งสามารถเพิ่มพื้นที่ได้ถึงสองเท่าหรือแม้กระทั่งสามเท่าของพื้นที่เดิม คลังสินค้าติดตั้งโครงสร้างแบบชั้นนี้เพื่อสร้างพื้นที่ชั้นเพิ่มเติมสำหรับจัดเก็บสินค้าคงคลัง เก็บเครื่องมือให้พร้อมใช้งาน หรือแม้แต่จัดตั้งสถานีทำงานขนาดเล็ก ธุรกิจที่เลือกวิธีนี้มักประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อเปรียบเทียบกับการย้ายสถานที่หรือก่อสร้างเพิ่มเติม เนื่องจากสามารถใช้พื้นที่เดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะผู้ผลิตที่ติดปัญหาเรื่องพื้นที่จำกัดและมีทางเลือกในการขยายพื้นที่น้อย การติดตั้งระบบชั้นลอยเป็นทางเลือกที่ประหยัดเมื่อเทียบกับวิธีแก้ปัญหาพื้นที่แบบดั้งเดิม แต่ยังคงประสิทธิภาพในการใช้งานได้ดี
ผู้จัดการคลังสินค้าชื่นชอบพื้นที่ชั้นลอยอุตสาหกรรม เนื่องจากโครงสร้างเหล่านี้มีประโยชน์อย่างมากในศูนย์กระจายสินค้า โรงงาน และสถานที่จัดเก็บที่มีพื้นที่จำกัด สิ่งที่ทำให้พื้นที่ชั้นลอยเหล่านี้ได้รับความนิยมคือ ความยืดหยุ่นและการประหยัดงบประมาณ ชั้นลอยแต่ละแห่งสามารถสร้างขึ้นให้พอดีกับความต้องการเฉพาะของแต่ละกิจการ ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บเพิ่มเติมเหนือพื้นที่ที่มีอยู่ หรือการสร้างพื้นที่ทำงานแยกต่างหากภายในอาคารเดียวกัน สิ่งที่เรียกว่า 'เวทมนตร์' จริงๆ เกิดขึ้นเมื่อบริษัทต่างๆ ตระหนักว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้สามารถผสานรวมเข้ากับการดำเนินงานประจำวันของพวกเขาได้อย่างยอดเยี่ยม การออกแบบชั้นลอยที่ดีจะช่วยปรับกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แทนที่จะไปรบกวนกระบวนการทำงานเดิม การติดตั้งชั้นลอยนั้นมักมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการสร้างอาคารใหม่ทั้งหลัง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมหลายบริษัทจึงเลือกวิธีนี้เป็นอันดับแรก สำหรับผู้ผลิตที่ต้องจัดการสินค้าคงคลังจำนวนมาก หรือบริษัทโลจิสติกส์ที่ต้องการเส้นทางการทำงานที่เป็นระบบ พื้นที่ชั้นลอยมักกลายเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การใช้พื้นที่โดยรวม
ชั้นวางพาเลทแบบเลือกหยิบได้ให้พนักงานเข้าถึงพาเลทแต่ละอันได้โดยตรง ทำให้การควบคุมสินค้าคงคลังในแต่ละวันง่ายขึ้นมาก บริษัทที่ใช้ระบบเหล่านี้มักจะนำแนวทาง FIFO (ของเข้าก่อนออกก่อน) มาใช้ เนื่องจากต้องการให้สินค้าเก่าถูกเคลื่อนย้ายออกไปก่อน คลังสินค้าที่จัดการกับสินค้าหลากหลายประเภทมักพบว่าชั้นวางเหล่านี้มีความเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะสามารถใช้งานร่วมกับสิ่งของตั้งแต่กล่องขนาดเล็กไปจนถึงชิ้นส่วนเครื่องจักรหนักๆ ได้อย่างดี ความยืดหยุ่นที่ออกแบบมาในชั้นวางแบบเลือกหยิบได้ หมายความว่าคลังสินค้าสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดวางเมื่อความต้องการทางธุรกิจเปลี่ยนแปลง เพียงแค่เพิ่มแถวอีกหนึ่งหรือสองแถวเมื่อปริมาณสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น ผู้จัดการคลังสินค้าส่วนใหญ่ในอเมริกาเหนือชอบการติดตั้งระบบนี้ เนื่องจากไม่มีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับรถยกแบบพิเศษหรือการฝึกอบรมเฉพาะ เพื่อให้หยิบสิ่งที่ต้องการออกจากชั้นวางได้
สำหรับบริษัทที่ต้องจัดการกับพื้นที่จัดเก็บที่จำกัด ระบบแบบ drive-in และ drive-through ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่ได้อย่างเต็มที่ทั้งในแนวตั้งและแนวนอน ระบบ drive-in จะเหมาะในกรณีที่ต้องการทางเข้าเพียงจุดเดียวสำหรับการจัดเก็บจำนวนมากในคราวเดียว ในขณะที่ระบบ drive-through นั้นเพิ่มความสะดวกมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะสามารถเข้าถึงสินค้าได้จากทั้งสองด้าน ทำให้การหยิบสินค้าจากชั้นวางเร็วขึ้นมาก ระบบทั้งสองแบบนี้เหมาะเป็นพิเศษเมื่อสินค้าทั้งหมดมีลักษณะคล้ายกัน และปฏิบัติตามหลักการ FIFO (First In, First Out) หรือหลักการที่สินค้าที่นำเข้ามาเป็นลำดับสุดท้ายจะถูกหยิบออกเป็นลำดับแรก ผู้จัดการคลังสินค้าชื่นชอบระบบนี้เพราะสามารถเพิ่มพื้นที่จัดเก็บได้มากโดยไม่ลดทอนความรวดเร็วในการปฏิบัติงาน ผู้ผลิตสินค้าที่มีลักษณะคล้ายกันจำนวนมากต่างพบว่าระบบนี้ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสินค้าคงคลังของพวกเขามีการหมุนเวียนไม่เร็วนัก
ระบบชั้นวางแบบ Push Back ใช้งานได้ดีสำหรับการจัดการสินค้าคงคลังแบบเข้าทีหลังออกก่อน (LIFO) ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับบริษัทที่จัดการสินค้าที่เสื่อมสภาพได้ เช่น อาหารสด หรือยา ชั้นวางเหล่านี้มีหลายระดับที่มีรถเข็นซ้อนกันวางอยู่ เมื่อมีสินค้าใหม่ถูกวางบนชั้นวาง รถเข็นเหล่านี้จะเลื่อนไปด้านหลังเพื่อสร้างพื้นที่ว่าง ทำให้การโหลดและถอดสินค้าทำได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายสิ่งอื่นๆ รอบข้าง พื้นที่จัดเก็บยังคงสามารถใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็ช่วยให้พนักงานเข้าถึงสิ่งที่ต้องการได้อย่างสะดวก ช่วยให้สินค้าหมุนเวียนได้อย่างเหมาะสม และเพิ่มจำนวนสินค้าที่สามารถเคลื่อนผ่านคลังสินค้าได้ในแต่ละวัน ธุรกิจที่มีความต้องการลูกค้าเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยครั้ง และต้องจัดการกับรหัสสินค้าจำนวนมาก พบว่าระบบดังกล่าวตอบโจทย์ได้ดี มันสามารถจัดเก็บสินค้าได้มากในพื้นที่จำกัด ขณะเดียวกันก็ช่วยให้พนักงานสามารถหยิบสิ่งที่ต้องการได้ทันทีที่ต้องการ คลังสินค้าหลายแห่งรายงานว่ามีการปรับปรุงที่ชัดเจนทั้งในด้านความเร็วในการทำงาน และกำลังการจัดเก็บโดยรวม หลังจากเปลี่ยนมาใช้ระบบชั้นวางแบบ Push Back
ชั้นวางแบบคานโหน่ง (Cantilever racks) ใช้งานได้ดีเยี่ยมสำหรับการจัดเก็บสิ่งของที่ยาวและใช้พื้นที่ไม่สะดวก เช่น ท่อ แผ่นไม้ และแผ่นเหล็ก ที่มักไม่พอดีกับชั้นวางทั่วไป สิ่งที่ทำให้ชั้นวางแบบนี้แตกต่างคือ แขนรับที่สามารถปรับตั้งค่าได้ ผู้จัดการคลังสินค้าสามารถปรับแต่งแขนให้รองรับขนาดและน้ำหนักที่หลากหลาย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พื้นที่บนพื้นโรงงานได้ดีกว่าระบบจัดเก็บแบบดั้งเดิม จุดเด่นสำคัญคือ ดีไซน์โครงแบบเปิดที่ช่วยให้พนักงานโหลดและถอดวัสดุได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องฝืนตัวผ่านสินค้าอื่น เพียงแค่เดินเข้าไปใกล้ด้านใดด้านหนึ่งและหยิบสิ่งที่ต้องการย้ายขึ้นมาได้เลย สำหรับสถานที่ที่ต้องจัดการกับวัตถุยาวๆ อยู่เป็นประจำ ระบบชั้นวางแบบนี้ถือเป็นสิ่งจำเป็นเกือบจะขาดไม่ได้ มันช่วยลดเวลาที่เสียไปกับการค้นหาของในกองที่รกและช่วยจัดระเบียบทุกอย่างไว้เป็นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าเสียหายขณะเคลื่อนย้าย
ระบบไหล่กล่องมีประสิทธิภาพสูงสำหรับการจัดเก็บ เนื่องจากใช้แรงโน้มถ่วงในการดันกล่องไปด้านหน้าขณะหยิบสินค้าจากด้านหน้าของชั้นวาง สิ่งนี้ทำให้สินค้าที่เข้ามาก่อนเคลื่อนที่ไปหาพนักงานก่อน ซึ่งช่วยให้สินค้าในคลังมีความสดใหม่โดยไม่ต้องใช้แรงงานเพิ่มเติม ระบบดังกล่าวยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน เนื่องจากพนักงานไม่จำเป็นต้องเติมสินค้าบนชั้นวางด้วยตนเองอยู่ตลอดเวลา กระบวนการหยิบสินค้าก็รวดเร็วขึ้นมากเมื่อทุกอย่างไหลลื่นไปหาผู้หยิบโดยตรง คลังสินค้าที่เกี่ยวข้องกับอีคอมเมิร์ซมักนิยมใช้ระบบนี้เป็นพิเศษเพื่อจัดการปริมาณคำสั่งซื้อจำนวนมากในแต่ละวัน เมื่อต้องจัดการกับสินค้าที่หมุนเวียนเร็วและต้องเติมสินค้าอย่างสม่ำเสมอ ชั้นวางแบบไหล่กล่องถือเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็น การสัมผัสสินค้าน้อยลงในระหว่างการจัดการ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม และลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการบรรจุคำสั่งซื้อ
การเลือกระบบชั้นวางสินค้าที่เหมาะสมต้องพิจารณาความหนาแน่นในการจัดเก็บเทียบกับความสะดวกในการเข้าถึงสินค้า ระบบที่มีความหนาแน่นสูงจะช่วยประหยัดพื้นที่บนพื้นโรงงาน แต่ทำให้การหยิบสินค้าเฉพาะชิ้นลำบากขึ้น ในทางกลับกัน ระบบชั้นวางที่ให้พนักงานเข้าถึงสินค้าได้ง่ายมักใช้พื้นที่มากกว่าที่ต้องการ การเลือกอย่างเหมาะสมมีความสำคัญมากในคลังสินค้าที่สินค้าบางชนิดหมุนเวียนเร็ว ในขณะที่สินค้าบางชนิดถูกเก็บไว้นาน ระบบจัดการคลังสินค้า (WMS) มีประโยชน์อย่างมากในจุดนี้ เพราะสามารถแสดงผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากข้อมูลจริง แทนการคาดเดา รวมถึงอัตราการหมุนเวียนของสินค้าด้วย เนื่องจากสินค้าที่หมุนเวียนเร็วต้องการจุดเข้าถึงที่ดีกว่า เมื่อเทียบกับสินค้าที่หมุนเวียนช้าซึ่งสามารถจัดเก็บแบบแน่นได้
การคำนวณความจุในการรับน้ำหนักให้ถูกต้องมีความสำคัญอย่างมากต่อความปลอดภัยในคลังสินค้า เนื่องจากระบบชั้นวางสินค้าจะต้องสามารถรับน้ำหนักของสิ่งที่ถูกจัดเก็บไว้บนนั้นโดยไม่พังทลายลงมา หากมีการประเมินน้ำหนักที่แต่ละช่วงของชั้นวางสามารถรองรับได้ผิดพลาด ก็อาจนำไปสู่ปัญหาร้ายแรงในระยะยาว การพิจารณาการใช้งานพื้นที่จัดเก็บจริงจะช่วยให้ผู้จัดการสามารถตัดสินใจได้ว่าการออกแบบชั้นวางแบบมาตรฐานหรือแบบพิเศษจะเหมาะสมกว่าสำหรับการติดตั้งในสภาพแวดล้อมนั้นๆ โดยยังคงความปลอดภัยของทุกคนในพื้นที่รอบข้างไว้ได้ พนักงานคลังสินค้าควรตรวจสอบตัวเลขเหล่านี้เป็นระยะๆ ในการตรวจเช็กตามปกติ แทนที่จะตั้งค่าไว้แล้วปล่อยทิ้งไว้โดยไม่สนใจ การตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ตรวจพบปัญหาแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะเกิดความเสียหายอย่างรุนแรง ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินงานดำเนินไปได้อย่างราบรื่นในทุกๆ วัน ระบบชั้นวางสินค้าที่มีคุณภาพดีและปรับตั้งอย่างเหมาะสม จะช่วยทำงานสองเท่า ทั้งป้องกันอุบัติเหตุ และใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุด ผู้ประกอบการคลังสินค้าที่มีความรู้ความเข้าใจดีต่างรู้ดีว่า ระบบเหล่านี้ไม่ใช่อุปกรณ์เสริมที่เลือกใช้ได้ตามใจชอบ แต่เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน